ยิ่งใหญ่แต่เรียบง่ายในสไตล์คลาสสิค

      จากความชื่นชอบในรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรมยุโรป ผนวกกับความประทับใจในงานสไตล์คลาสสิค ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นงานศิลปะชั้นสูง ทำให้เมื่อเจ้าของบ้านมีโอกาสสร้างบ้านของตัวเอง จึงอยากจะถ่ายทอดความต้องการนี้ให้สมกับที่ได้จินตนาการไว้ บนที่ดิน 2 ไร่บริเวณแปลงมุมตรงหัวโค้ง ทำให้ตัวอาคารสามารถเปิดมุมมองได้กว้างมากกว่าปกติ 
       สถาปนิกของดิ เอ็มเพอร์เร่อร์ เฮ้าส์ออกแบบให้ตำแหน่งของตัวบ้านอยู่ทางด้านหน้าซ้ายของที่ดิน เพื่อเปิดพื้นที่ด้านขวาสำหรับจัดสวน ที่เน้นพันธุ์ไม้เมืองร้อนเป็นหลัก รูปแบบอาคารภายนอกเป็นงานสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค รูปทรงอาคารลดทอนความแข็งของงานนีโอคลาสสิคด้วยมุขโค้ง และเพิ่มความโค้งของราวระเบียงเป็นจังหวะด้วยสัดส่วนที่ลงตัว จึงทำให้บ้านยังคงความสง่างาม พร้อมประดับด้วยสร้อยระย้าที่บริเวณบัวใต้จั่วของประตูหน้าบ้านในส่วนที่มีหลังคาคลุม (Porch) โดยที่เสาคู่หน้าเป็นแบบทัชแคน (Tuscan) ซึ่งเป็นรูปแบบเสาของชาวโรมัน       
       ถนนทางเข้าหน้าบ้านดูโดดเด่นด้วยการปูกระเบื้องจนเกิดเป็นลวดลายและเส้นสายที่ดูมีรูปแบบและมิติ ซุ้มประตูทางเข้าถูกออกแบบให้โปร่งโล่ง โดยนำงานเหล็กดัด และงานประดับกระจกสี รวมถึงงานแกะสลักไม้มาผสมผสานเข้ากันได้อย่างกลมกลืน โถงทางเข้ามีลักษณะเปิดโล่งจากพื้นที่ชั้นล่างจรดฝ้าชั้นสอง เป็นการโชว์ลวดลายแพทเทิร์นของฝ้า ผนังทุกด้านกรุด้วยหินอ่อนสีครีม มีซุ้มสำหรับวางคอนโซลประดับกระจกแกะลาย       
       ห้องรับแขกตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์บาโรคเต็มรูปแบบ โดยเน้นงานคิ้วบัวประดับสีทอง และเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว และของตกแต่งในโทนสีน้ำตาลและทอง ให้ความรู้สึกภูมิฐานและยิ่งใหญ่ บริเวณเพดานทรงกลมตรงโถงบันไดเจาะช่องกลมวาดภาพเหล่าเทวดาตัวน้อยทั้งชายหญิงล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ส่วนห้องน้ำสำหรับแขกผู้มาเยือนตกแต่งด้วยแท่นประดับรูปปั้นหัวสิงโตพ่นน้ำพ่นน้ำพุลงบนหอยเชลล์ ให้บรรยากาศในสไตล์ยุโรป 
       ในส่วนของห้องนอนใหญ่ถูกออกแบบให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการใช้มุขโค้ง ซึ่งทำเป็นมุมพักผ่อน พร้อมเจาะช่องหน้าต่างตกแต่งรับกับผ้าม่านสไตล์คลาสสิค ห้องพระผสมผสานงานแกะสลักของไทย ความเป็นพระพุทธศาสนาแบบตะวันออก และงานคิ้วบัวแบบตะวันตกที่หรูหราเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
      
       ที่มา : หนังสือ The House Of The Emperor