คำถามยอดฮิตที่ได้ยินบ่อยจากบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านมือใหม่ที่เพิ่งมีสนามหญ้าหน้าบ้านเป็นของตัวเองก็คือ จะดูแลสนามหญ้าอย่างไร? บางคนโอดครวญขยายความมาว่า ตั้งแต่ย้ายเข้าบ้านใหม่ไม่ทันครบปีว่า สนามหญ้าที่บ้านเดือนแรก ๆ ก็เขียวดีอยู่หรอก แต่ต่อมาไม่กี่มากน้อยหญ้าในสนามก็เริ่มเหลือง ทำให้เกิดปริวิตกว่าหญ้าในสนามที่อุตส่าห์ลงทุนไปจ้างเขามาปูด้วยเงินจำนวนไม่น้อยจะตายเสียหมด จะเป็นการขาดทุนครั้งมโหราฬแล้วละหรือ? ก่อนจะเข้าสู่ปัญหานี้ อยากแนะนำให้รู้จักที่มาของหญ้าที่เราเอามาใช้ปูสนามกันก่อน เผื่อบางคนอาจจะยังไม่รู้ และอาจทำให้หลายคนเข้าใจปัญหาที่เผชิญอยู่ดีขึ้นบ้าง อันว่าหญ้าที่เราเห็นเป็นแผ่น ๆ ที่ผู้รับเหมาปูหญ้าจัดสวนอามาปูไว้ในสนามบ้านเรานั้น ร้อยทั้งร้อยมาจากนาหญ้าหรือไร่หญ้า แต่เดิมนาหญ้ามีอยู่มากแถบมีนบุรี หนอกจอก ลาดกระบัง (แต่เดี๋ยวนี้เริ่มขยับห่างออกไปถึงปทุมธานีและจังหวัดอื่นรอบกรุงเทพฯ) ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ยึดอาชีพทำนาหญ้าเป็นชาวไทยมุสลิมที่มาตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่บริเวณนี้ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินธ์ตอนต้น เหตุที่ชาวบ้านละแวกนี้ยึดอาชีพทำนาหญ้า เพราะในยุคหนึ่ง เจ้านายและขุนนางชั้นผู้ใหญ่นิยมทำสนามหญ้าไว้ในของตนเองตามแบบฝรั่ง แต่หาหญ้ามาปูสนามไม่ได้ จึงเกณฑ์ให้ชาวบ้านละแวกดังกล่าวปลูกหญ้ามาถวาย เมื่อสั่งสมประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นเป็นเวลาหลายสิบปีเข้า ชาวบ้านแถบนั้นจึงยึดการปลูกหญ้าแทนการทำนาเป็นอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวเสียเลย อยากเล่าถึงขั้นตอนการทำนาหญ้าสักนิด เพราะคิดว่าน่าสนใจไม่น้อย ในอาณาบริเวณที่เราเรียกว่า นาหญ้า นั้น ชาวบ้านจะอัดพื้นดินข้างล่างจนแน่นแข็ง อาจจะใช้ดินลูกรังถมแล้วบดอัดจนแน่นคล้ายลานคอนกรีต บริเวณโดยรอบนาหญ้า จะขุดเป็นคูคลองเล็ก ๆ สำหรับชักน้ำเข้ามารดหญ้า เมื่อถึงเวลาจะทำนา ชาวนาจะใช้เครื่องสูบน้ำสูบเอาดินเลนจากท้องคลองฉีดพ่นให้ทั่วผืนนา เรียกว่าการฉีดเลน และเผอิญเหลือเกินว่าดินเลนใต้คูคลองบริเวณนี้มีอินทรีย์สารอุดมสมบูรณ์ เป็นอาหารชั้นเลิศของหญ้าอย่างพอเหมาะพอดี เมื่อฉีดเลนจนได้ชั้นดินเลนเพียงพอแล้ว ก็ถึงกระบวนการดำหญ้า กล่าวคือ ใช้หญ้าที่มีอยู่ ไม่ว่าหญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น หรือหญ้ามาเลย์ ตัดออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดสัก 5 ซ.ม. แปะลงบนดินเลนในนาหญ้า ให้ห่างกันราวสักหนึ่งฟุต พอดำเสร็จก็ใช้ลูกกลิ้งเหล็กกลิ้งบดทับให้หญ้าติดแน่นกับดินเลน จากนั้นก็ทดน้ำเข้านา เร่งปุ๋ยให้หญ้าแตกกอเร็วจนเต็มพื้นที่ ระหว่างนั้นต้องให้น้ำและตัดหญ้าส่วนที่ยาวเกินไปออกเสียบ้าง เรียกว่าทำทุกวิถีทางเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของหญ้าให้เร็วที่สุด เมื่อหญ้าแตกเต็มพื้นที่ ก็ใช้มีดคม ๆ ที่ดัดแปลงจากใบเลื่อยตัดเหล็กตัดหญ้าออกเป็นแผ่น ๆ แผ่นละครึ่งตารางเมตร แล้วใช้เครื่องมือที่ทำขึ้นเฉพาะแซะหญ้าออกจำหน่าย ที่เล่ามาค่อนข้างละเอียดเช่นนี้ ก็เพื่อให้เห็นว่า หญ้าแต่ละแผ่นมีที่มาอย่างไร นาหญ้าเขาเร่งปุ๋ยเร่งน้ำกันอย่างไร หญ้าที่มาปูสนามหน้าบ้านของเราจึงเขียวขจีอย่างที่เห็นกันในวันแรก ๆ ที่เพิ่งปูหญ้าเสร็จ คราวนี้กลับมาที่คำถามข้างต้นดีกว่า หญ้าในสนามหน้าบ้านเริ่มเหลืองหลังจากปูไปได้ไม่ถึงเดือน มันจะตายไหม? จะแก้ไขอย่างไร? ก่อนจะตอบ ต้องถามกลับไปว่า ได้รดน้ำสนามหญ้าให้ชุ่มอย่างน้อยวันละสองครั้งหรือไม่? ถ้ารดแล้วหญ้ายังเหลืองเฉาอยู่อีก ก็สบายใจได้ครับ รดน้ำให้ชุ่มต่อไปอีกสักพัก หญ้าก็จะฟื้นตัว โดยทั่วไปเรามักปูสนามด้วยหญ้านวลน้อย เพราะราคาถูกกว่าหญ้าชนิดอื่น และหญ้านวลน้อยเป็นพันธุ์หญ้าพื้นเมืองของไทย ทนทานต่อภูมิอากาศบ้านเราได้ดีที่สุด แต่สาเหตุที่หญ้าเหลืองเฉาเหมือนหญ้าจะตายหลังจากปูไปได้สักพัก ก็เพราะหญ้ายังปรับตัวไม่ทัน จากที่เดิมเคยอยู่ในนาหญ้า มีน้ำเลี้ยงชุ่มฉ่ำ มีการให้ปุ๋ยและสารอาหารอย่างล้นเหลือ เมื่อปุบปับต้องมาอยู่ในสนามหน้าบ้าน ถึงจะรดน้ำชุ่มอย่างไรก็ไม่มีทางเทียบได้กับในนาหญ้า อีกทั้งรากของหญ้าที่เพิ่งปูก็ยังไม่ทันแทงลงดินในสนาม ทำให้หญ้าเหลืองเฉาอย่างที่เราเห็น รดน้ำต่อไปครับ เพราะช่วงแรกนี้สำคัญมาก ให้เวลาหญ้าเขาได้ปรับตัวกับบ้านใหม่สักพัก ให้รากของเขาแทงลงดินและหาเลี้ยงลำต้นได้สักหน่อย คราวนี้แหละ เขาจะแตกใบอ่อนเขียวขจีจนตามตัดกันไม่ทันเชียวละ ต่อปัญหาข้อนี้จึงแนะนำว่า สนามหญ้าใหม่ ๆ อย่าเสียดายน้ำ ให้ขยันรดน้ำสนามให้ชุ่มอย่างน้อยวันละสองครั้ง ถ้าเป็นไปได้อาจรดน้ำถึงวันละ 3-4 ครั้งยิ่งดี อย่าไปสับสนกับการรดน้ำต้นไม้ที่เคยได้ยินมาว่า ไม่ควรรดน้ำตอนเที่ยง ๆ เพราะจะทำให้ต้นไม้สะบัดร้อนสะบัดหนาวตาย หญ้าในสนามไม่ใช่ต้นไม้ครับ ปลูกใหม่ ๆ น้ำต้องมาก และก็อย่าเพิ่งใจร้อนให้ปุ๋ยชนิดใด ๆ แก่หญ้าในสนามในช่วงนี้ เพื่อให้เขาปรับตัวให้ได้เสียก่อนอย่างน้อยสัก 2- 3 เดือน ต่อจากนั้นก็ค่อยเพลาการรดน้ำเหลือวันละครั้งหรือสองครั้งและค่อยเริ่มให้ปุ๋ย สนามหญ้าที่เพิ่งทำเสร็จไม่เรียบ มีแอ่งบ้าง ดินทรุดเป็นหลุมบ้าง จะทำอย่างไร? แก้ไขไม่ยากครับ เตรียมซื้อทรายไว้สักถุง ทรายหยาบแบบใช้ในการก่อสร้างนั่นแหละ พร้อมกับปุ๋ยเทศบาลหรือที่เรียกว่า ปุ๋ยกทม. ถ้าหาไม่ได้ก็ใช้ปุ๋ยหมักทั่วไปสักสองสามถุง ไม่แนะนำให้ใช้ปุ๋ยคอกที่ทำจากขี้วัวขี้ควาย เพราะเจออยู่บ่อย ๆ ที่ในปุ๋ยคอกจะมีเมล็ดหญ้าชนิดอื่น ๆ เมื่อใส่ลงในสนามหญ้า ปรากฎว่ามีหญ้าแปลกประหลาดงอกแทรกขึ้นมา ต้องตามถอนตามทำลายในภายหลัง เมื่อพบว่าสนามหญ้าบริเวณใด ดินทรุดตัวจนเป็นแอ่ง หรือเป็นหลุม ให้ใช้ทรายผสมกับปุ๋ยสัดส่วนอย่างละครึ่งถมบริเวณนั้นแล้วบดอัดด้วยลูกกลิ้ง หรือตบด้วยด้ามจอบให้แน่น แรก ๆ จะดูไม่สวย เพราะเหมือนสนามหญ้าเป็นรอยด่าง แต่พอรดน้ำให้ชุ่มฉ่ำไปสักพัก หญ้างอกข้ามาคลุมจนหมดก็จะได้สนามหญ้าที่สวยเหมือนเดิมแล้วครับ พูดถึงความราบเรียบของสนามอีกนิด ถ้าสังเกตให้ดี ตอนที่จ้างเขามาปูหญ้า คนที่มาปูหญ้าจะมีลูกกลิ้งเหล็กขนาดใหญ่มาด้วย พอปูหญ้าเสร็จ เขาจะใช้ลูกกลิ้งเหล็กที่มีน้ำหนักมาก ๆ กลิ้งบดทับสนามหญ้าให้แน่นและราบเรียบ แต่จะอย่างไรก็ตาม โอกาสที่สนามจะไม่ราบเรียบเนื่องจากถูกน้ำฝนหรือน้ำที่รดสนามกัดเซาะ หรือเพราะดินที่อยู่ด้านล่างทรุดตัวในภายหลังก็มักเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็แนะนำให้รอครับ รอไปสักปีครึ่งปี ดินในสนามจะมีการปรับสมดุลย์ของเขาเอง ไม่นานก็ราบเรียบอย่างที่เราอยากให้เป็น แต่ถ้าใจร้อน อยากให้เรียบเร็ว ๆ ก็คงต้องลงทุนหน่อย คือต้องซื้อหา หรือหยิบยืมลูกกลิ้งเหล็กแบบที่กล่าวถึงข้างต้นมาไว้ใช้งานสักอันหนึ่ง ก่อนใช้ก็รดน้ำสนามหญ้าให้ชุ่ม แล้วกลิ้งลูกกลิ้งทับไปทับมาเหมือนรถบดถนนสร้างถนนนั่นแหละครับ ลูกกลิ้งที่ว่า อาจดัดแปลงหล่อขึ้นใช้เอง โดยใช้ท่อคอนกรีตเส้นผ่าศูนย์กลางสัก 6 นิ้ว ใช้ท่อเหล็กหรือท่อ PVC ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้วเป็นแกนกลาง แล้วผสมคอนกรีตเทกรอกเข้าไป ให้ร้านที่รับจ้างอ๊อกเหล็กอ๊อกแกนและมือจับให้ ลูกกลิ้งประดิษฐ์เองแบบนี้ก็ใช้งานได้ดีเหมือนของมืออาชีพเช่นกัน คนรักสนามหญ้าส่วนใหญ่จะมีลูกกลิ้งชนิดนี้ติดบ้านไว้เสมอ แต่ถ้าหาไม่ได้ หรือไม่อยากทำให้วุ่นวาย ก็รดน้ำให้ชุ่มจนแฉะ แล้วยอมเลอะเทอะหน่อย ใช้ด้ามจอบตบอัดพื้นสนามให้เรียบ ก็พอจะแก้ไขปัญหาได้เช่นกัน |