วิธีหนึ่งที่ช่วยลดอาคารความร้อน ให้เราสามารถอยู่ในบ้านช่วงอากาศอบอ้าวได้อย่างสบาย ก็คือ การมีบ้านที่ออกแบบให้มีสภาวะน่าสบาย บ้านที่สามารถป้องกันความร้อนจากภายนอกได้ หรือบ้านที่เปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว ก็ช่วยให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักเกินไป บ้านและสวนได้รวบรวมกลเม็ดเล็ก ๆ ในการคลายร้อนให้บ้านและวิธีทำบ้านให้ประหยัดพลังงานอย่างง่ายๆ มาฝาก เพื่อจะได้นำมาปรับปรุง แก้ไข หรือดัดแปลงบ้านของคุณให้เป็นบ้านที่น่าอยู่มากขึ้น 1. จัดตำแหน่งของห้องให้เหมาะสมและสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งาน พยายามวางตำแหน่งส่วนบริการหรือห้องที่เราไม่ได้ใช้บ่อยนัก เช่น ห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องน้ำ โรงรถ ให้อยู่ในทิศตะวันตก เพราะเป็นด้านที่มีอากาศร้อนที่สุดของวัน เพื่อใช้เป็นพื้นที่กันความร้อน (buffer zone) ที่จะถ่ายเทเข้าสู่พื้นที่สำคัญส่วนอื่น ๆ ของบ้าน 2. ออกแบบวางผังอาคารให้สามารถรับลมได้มากที่สุด เช่น วางตัวบ้านขวางทางทิศใต้หรือด้านที่มีลมพัดเข้ามาในบ้าน เพื่อให้บ้านสามารถใช้ประโยชน์จากลมธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวางบังทางลม ออกแบบบ้านให้มีช่องหน้าต่างสำหรับให้ลมออกได้สะดวก มิฉะนั้นลมจะไม่พัดเข้ามาในบ้าน ด้านต้นลมควรเป็นสนามหญ้าปลูกไม้ยืนต้นที่มียอดแผ่กว้าง เพื่อให้ลมที่พัดเข้ามานำไอเย็นที่ต้นไม้สร้างเข้ามาในบ้าน การป้องกันความร้อนเข้าบ้าน
3. หลังคาเป็นตำแหน่งที่ความร้อนสามารถผ่านเข้ามาในบ้านได้มากที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่มีขนาดใหญ่และ โดนแสงแดดเกือบตลอดทั้งวัน ดังนั้นเราควรเลือกใช้หลังคาที่มีสีอ่อนที่สะสมความร้อนน้อย และมีความลาดชันของหลังคาสูง (ประมาณ 50-60 องศา) เพื่อให้หลังคาช่วยบังแดดให้กัน 4. คอนกรีตและผนังก่ออิฐฉาบปูนเป็นวัสดุที่มีมวลสารมากจึงมีคุณสมบัติในการกักเก็บและสะสมความร้อนสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้บ้านร้อน ดังนั้น จึงควรใส่ฉนวนกันความร้อนให้ผนังชนิดนี้ หรือเลือกใช้วัสดุที่มีมวลสารเบา อย่างเช่น อิฐมวลเบามาทำผนังบ้าน 5. การทำช่องแสงบนหลังคา เป็นการใช้ประโยชน์จากพลังงานธรรมชาติอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยลดพลังงานในการทำแสงสว่างให้บ้านได้เป็นอย่างดี แต่แสงย่อมมาพร้อมกับความร้อนเสมอ ดังนั้นเพื่อลดความร้อนที่จะเข้ามาในบ้าน เราควรออกแบบให้ช่องแสงบนหลังคาบ้าน หันไปทางด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นด้านที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง การออกแบบและจัดพื้นที่ภายในบ้าน
6. ห้องปรับอากาศภายในบ้าน ควรเลือกใช้ผนังกั้นพื้นที่ห้อง เช่น ผนังยิปซัมบนโครงคร่าวโลหะ แทนการใช้ผนังก่ออิฐฉาบปูนหรือผนังคอนกรีต เพราะผนังเบาสะสมความร้อนและความชื้นน้อยกว่าผนังก่ออิฐฉาบปูนหรือผนังคอนกรีต จึงทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง 7. เพื่อลดการสะสมความร้อนภายในห้อง สีห้องและสีเฟอร์นิเจอร์ควรเลือกใช้สีอ่อน และเฟอร์นิเจอร์ควรมีลักษณะเบา โปร่ง มีรูปแบบเรียบง่าย และไม่มีซอกมุมที่เป็นจุดสะสมฝุ่นละออง 8. เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินอย่างตู้เสื้อผ้า ตู้โชว์ อาจออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของผนังห้อง เพื่อทำหน้าที่กันความร้อน (Buffer Zone) ไม่ให้อากาศร้อนภายนอกถ่ายเทหรือรั่วซึมเข้ามาทางผนังได้ง่าย โดยควรออกแบบให้ตู้อยู่ทางด้านตะวันตกของห้องเพราะเป็นทิศที่มีแดดร้อนที่สุดของวัน 9. พื้นห้องชั้นล่างควรเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่สามารถทำความเย็นจากพื้นดินด้านล่างได้ดี เช่น กระเบื้อง แกรนิต หินอ่อน แทนการใช้พื้นไม้ 10. ห้องน้ำกับห้องครัวไม่ควรเปิดเข้าสู่ห้องปรับอากาศโดยตรง เพราะเป็นห้องที่มีความชื้นและ มีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูง เช่น ตู้เย็น หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟ ซึ่งจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักในการรีดความชื้นและทำความเย็นมากขึ้น 11. ลดพื้นผิวคอนกรีตรอบบ้าน เช่น ถนน ทางเดิน ลานจอดรถ ที่เป็นแหล่งสะสมความร้อน โดยการเปลี่ยนมาใช้เป็นบล็อกปูถนนที่สามารถปลูกหญ้าได้ หรือดีไซน์ให้มีพื้นถนนคอนกรีตน้อยที่สุด และควรทำหลังคาหรือปลูกต้นไม้ให้ร่มเงากับพื้นที่ส่วนนี้ด้วย 12. ปลูกพืชคลุมดินและต้นไม้ที่มีลักษณะทรงพุ่มสูง เพื่อปรับสภาพให้อากาศภายนอกบ้านมีอุณหภูมิลดลง และใช้เป็นร่มไม้ช่วยบังเงาให้บ้านไม่โดนแดดโดยตรง 13. ขุดบ่อบัวหรือสระน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้อากาศบริเวณบ้าน แต่สระน้ำจะต้องไม่อยู่ในตำแหน่งที่มีแสงสะท้อนรบกวนเข้าไปภายในบ้าน ์ที่มา โพสต์ทูเดย์
|