แม้จะเข้าสู่ช่วงท้ายตารางโปรโมทหนังแล้ว แต่ กิ๊บซี่-วนิดา เติมธนาภรณ์ (เกิร์ลลี่ เบอร์รี่) ก็ยังต้องวิ่งรอกวันละหลายเที่ยว เหนื่อยชนิดที่เธอบอกว่า "เกือบตาย ตายได้ตายไปแล้ว" พร้อมแสดงอาการปวดเมื่อยประกอบ แต่พอถูกชวนคุยเรื่องเที่ยวเท่านั้นแหละ ตาที่เคยหม่นๆ เนือยๆ ก็กลับปิ๊งวิบวับขึ้นมาทันที "เรื่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ยุ่งแค่ไหน ก็สามารถเจียดเวลาเที่ยวได้เสมอ" แล้วจัดสรรเวลาอย่างไรในช่วงที่ยุ่งขนาดนี้ ก็จะดูตารางก่อน ถ้าเห็นวันว่างแค่ 1 วันก็จะดั้นด้นไป ชอบเที่ยวทะเล ใกล้ๆ ก็ได้ อย่างพรุ่งนี้มีคอนเสิร์ตกิ๊บเลือกไม่รับเลย กิ๊บล็อกคิวอยู่แล้ว ถ้ามีร้องเพลง กิ๊ปบอกว่าไม่ก็คือไม่ กิ๊บยืนยัน วงขาดกิ๊บซี่ได้ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ราคาอาจลดลง แต่ถ้าเขามาจ้างกิ๊บซี่คนเดียว ไม่นะ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะร้องเพลงคนเดียว แต่ถ้าไปงานถ่ายแฟชั่นคนเดียว โชว์ตัวคนเดียว ไปได้ เพื่อนๆ ในวงเข้าใจกันหมดอยู่แล้ว เวลาวางแผนเที่ยว ตั้งต้นจากอะไร เราต้องมั่นใจก่อนว่าเราจะไป ตั้งต้นที่ตัวเองนี่แหละว่าจะไปที่ไหน แล้วค่อยชวนเพื่อนๆ ไป จะไม่ไปคนเดียว ทำงานหนักอย่างนี้ การเที่ยวให้อะไรเราบ้าง ให้ความรู้สึกอิสระ บางทีเราทำงานหนัก ทำงานทั้งเดือน รู้คิวไปจนถึงสิ้นปี มันถูกวางมาหมดแล้ว เราไม่สามารถไปไหนได้ไกล แค่ฮ่องกงก็อดแล้ว เลยจะเน้นเที่ยวแบบด่วนๆ ใกล้ๆ อย่างวันนี้ กินเสร็จก็อาจแวบเที่ยว ได้ผ่อนคลายอย่างน้อยก็แป๊บนึง จริงๆ เสาร์อาทิตย์ ไม่อยากทำอะไร นอนเฉยๆ หรืออาจทำอะไรก็ได้ที่ไม่เป็นคิว กลิ้งไปกลิ้งมา หิวก็กิน ออกไปเดินเล่น ไม่สนใจเวลา พักผ่อนอย่างเดียว ไม่มีอะไรมาตีกรอบเรา แต่เวลาทำงานเราก็มีความสุข งานเราไปได้ดี มีคนให้โอกาส ให้เราไปถ่ายแบบ ไปออกรายการไปสัมภาษณ์ มันเป็นเรื่องที่ดีที่คนยังให้ความสนใจเรา มันดีกว่าไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว บางทีอาจจะแน่นไปหน่อย อาจเหนื่อยไป แต่ก็สนุกและมีความสุขดี มีที่เที่ยวที่ประทับใจไหม เยอะแยะค่ะ มีหลายที่ทำให้เรารู้สึก ว้าว คือถ้าไม่ได้ไปเนี่ยเศร้าเลย โดยเฉพาะภาคใต้ เคยไปเกาะยาวน้อย เกาะราชา ต้องใช้คำว่า "ต้องไป" สวยมาก นั่งดูทั้งวัน มันเหมือนหลุดไปอีกโลก กิ๊บชอบนอนดูวิว อาบแดด มันรู้สึกไลฟ์ลี่กว่า ไม่ชอบบรรยากาศฝนตก กิ๊บชอบที่ดีๆ ชอบนั่งร้านอาหารดีๆ สถานที่ดีๆ สบายๆ เน้นแบบไฮโซ มีคุณภาพ ไปแล้วรู้สึกแฮปปี้ ไม่ชอบอะไรที่ลุยเท่าไหร่ เพราะเราทำงานหนักมาเยอะแล้ว จะไปเที่ยวแบบเหนื่อยๆ ทำไม ไปเที่ยวทั้งที มันเหมือนเป็นการที่เราเอาเงินที่เราทำงานมา ไปใช้จ่ายกับอะไรสักอย่าง มันควรเป็นอะไรที่ทำให้เราหายเหนื่อย มีความสุข สบายใจ ไม่ใช่ที่ที่ไปแล้วลำบากกว่าเดิม ถ้าลุยๆ เหนื่อยๆ จะใช้เงินทำไม อยู่บ้านดีกว่า อีกอย่างกิ๊บเป็นคนขี้เหนื่อยและไม่ลุยมาก ยากด้วย เข้าห้องน้ำลำบาก คือเราทำงานเหนื่อยแทบตาย ขอสบายๆ ไม่มีตาราง คิว อะไรมาให้คิด ชอบเล่นน้ำ นอนอาบแดด บางทีก็จะไปวีคเดย์ คนไม่เยอะดี เวลาไปเที่ยวตัวเราต้องสวยดูดีตลอดมั้ย ก็สบายๆ บิกินี่ แว่นตา หมวกต้องมี แต่ส่วนใหญ่จะใส่ในที่ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักเรา มีแต่ฝรั่ง เราก็เล่นน้ำ อาบแดดของเราไป ไม่มีคนสนใจ แต่กระแสเรื่องร้องเพลง หนัง รู้สึกว่าคนจะให้ความสนใจเยอะ? การตัดสินใจทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ที่เราอย่างเดียว มาจากผู้ใหญ่ด้วย บริษัทด้วย ทางเราก็รับฟังกระแส ไม่มีใครสวนกระแสได้อยู่แล้ว 
อยู่ในวงการมานาน โตขึ้น มีส่วนร่วม ช่วยคิด ช่วยตัดสินอย่างไร ก็คุยได้ คือเรามีหน้าที่ของเราและคนที่ทำงานให้เราเขาก็มีหน้าที่ของเขา มันต้องเคารพกันและกัน แต่คุยกันได้ หาจุดที่ดีที่สุด ทุกคนอยากทำงานของตัวเองออกมาให้ดีที่สุด มันชัดเจนมากที่เราเป็นเกิร์ลลี่เบอร์รี่ ทุกคนไม่ได้เรียกกิ๊บซี่ วนิดา แต่ทุกคนเรียกกิ๊บซี่ เกิร์ลลี่ เบอร์รี่ เรามาจากจุดนั้น เรารักมันมาก อยู่กับมันมา 7 ปี เป็นงานที่รัก ชอบและเป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนการแสดงหนังมันก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราสนใจ อยากทำและรอมานานแล้ว และพอได้ทำมันก็ชัดเจน กิ๊บว่าการทำงานกับคนคนหนึ่ง มันเหมือนกับเขาให้อาวุธกับเรา ฉะนั้นเรามีหน้าที่สะสมไปเรื่อยๆ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ในงานต่อๆ ไป การทำงานบันเทิงทำให้เสียโอกาสอะไรไปบ้าง เสียโอกาสที่จะใช้ชีวิตแบบเด็ก เราก็ต้องรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก บางทีเราก็อยากขี้เกียจบ้าง ไม่รับผิดชอบบ้าง อยากทำตัวเป็นเด็กให้เหมือนเด็กจริงๆ เช่น ถ้าวันนี้ฉันขี้เกียจก็จะงอแง แต่เราทำตรงนั้นไม่ได้ ต้องรับผิดชอบ แต่มันก็ทำให้เราโตขึ้น คือการที่เราทำอะไรด้วยตัวเองทำให้เราเข้าใจโลกได้มากขึ้น เข้าใจข่าวมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเด็กๆ ไม่เคยผ่านเรื่องนี้มา ก็อาจจะรับไม่ได้ กิ๊บคิดว่าข่าว มันเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก และเรื่องแบบนี้ไม่มีทางมีผลต่อกิ๊บเด็ดขาดเพราะว่าชีวิตเรามันสั้น มันมีเรื่องอื่นที่ลำบากกว่านี้ เหนื่อยกว่านี้เยอะมาก ถ้าเราไม่แยกแยะและให้ความความสำคัญกับเรื่องอื่น เราก็จะไม่สามารถก้าวไปได้ไกล แล้วช่วงเวลาที่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ มีไหม น่าจะเด็กๆ เข้าวงการใหม่ๆ เจอข่าวก็ตกใจแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องเป็นข่าวดังได้ขนาดนั้น และเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เซ็กซี่มาก ตอนนั้นแค่กางเกงขาสั้น คนที่มีลุคเซ็กซี่ไม่ได้หมายความว่าเขานิสัยไม่ดี แบบอย่างของเยาวชน ก็อาจเป็นแบบอย่างเรื่องอื่นก็ได้ ไม่ได้หมายความว่ากิ๊บใส่เสื้อตัวนี้แล้วเด็กอยากจะใส่เสื้อตัวนี้ตาม การที่คนแต่งตัวอย่างนี้ แล้วจะบอกว่าเขานิสัยไม่ดี คิดไม่ดี มันคือการแยกแยะไม่ได้นะ กิ๊บอยากให้มองที่ความคิด การดำเนินชีวิตมากกว่า กิ๊บมองว่าโอเคเรื่องการแต่งตัวมันสามารถเซ็กซี่ได้บ้าง ตามวาระและโอกาส ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เอาให้มันเหมาะสม ถูกกาลเทศะ เช่น เราเป็นดารา เป็นศิลปิน เราแต่งอย่างนั้นตามลุคของการทำงาน แต่ในชีวิตจริงเราเป็นยังไง เราคิดยังไง ดำเนินชีวิตยังไง มันน่าจะแยกแยะกันได้ ไม่ควรไปเน้นเรื่องนั้นอย่างเดียว ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีแค่นั้น แค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เปิดกว้างกันหน่อย เรื่องเซ็กซี่ มันไม่ใช่อนาจาร เราก็มีมุมที่ไม่ได้เซ็กซี่ เรายังอยู่กับครอบครัว อยู่กับพ่อแม่ ยังทำงานของเรา เรียนจบแล้ว มีความรับผิดชอบ เรารู้อะไรดีไม่ดี แยกแยะได้ ดูแลตัวเองได้ เอาเรื่องแบบนี้มาเป็นแบบอย่างดีกว่า กิ๊ปไม่อยากให้ไปจับจ้องแค่เสื้อ กระโปรง หรือกางเกงที่ใส่ มีอะไรสำคัญกว่านั้นตั้งเยอะ เรื่องที่สำคัญมากกว่า คืออะไร หน้าที่สำคัญที่สุด (ตอบทันที) ความรับผิดชอบต้องมาก่อน เรื่องความรักก็รองไปเลย ไม่รู้สิ กิ๊บคิดว่าโอกาสมันไม่ได้มีมาง่ายๆ บางคนอาจมีโอกาสมาก ร้อยครั้งพันครั้งในชีวิต แต่บางคนโอกาสผ่านไปแล้วผ่านไปเลย เราไม่มีทางรู้ว่าเราเป็นพวกไหน กิ๊บมองว่าถ้าเรามีโอกาสก็เป็นสิ่งที่ดี กิ๊บไม่ได้มองว่าทำไมอายุ 25 ปีฉันเพิ่งเรียนจบ แต่จะมองว่าสิ่งที่เราทำได้ก่อนคนอื่นมันดีกว่า เพราะฉะนั้นกิ๊บจะทำทุกๆ วันให้ดี จะไม่ค่อยวางแผนไกลๆ แค่ทำวันนี้ให้ดี แล้วมะรืนก็รู้เองว่าจะทำอะไรต่อไป ยากไหมกับการรักษาชื่อเสียงที่ได้มา ยาก เอาแค่สร้างก็ยากแล้ว คือคนอยากเข้ามาวงการบันเทิงเยอะมาก แต่คนที่จะได้เป็นดารา เปอร์เซ็นต์มันน้อย แต่พอได้มา การรักษามันยากกว่า ต้องมีภูมิต้านทาน แข็งแรง นี่ไม่ได้ว่าตัวเองเก่งนะ แต่ถ้าจิตอ่อน จิตตกก็อยู่ไม่ได้ เช่น เจอข่าวก็ร้องไห้ แต่ควรจะทำความเข้าใจมันก่อน ข่าวไม่ดีก็มีบ้างไม่เป็นไร คือเขา (นักข่าว) ก็ทำงานของเขา เราก็ทำงานของเรา บางทีเขาก็ต้องหาประเด็น และคนก็ชอบแบบนี้ บางคนก็อยู่ได้และดังเพราะประเด็นแบบนี้ ถ้าเราเข้าใจมันก่อนก็จะไม่รู้สึกอะไรกับมัน จะไม่โกรธ ไม่อะไรกับใคร เรื่องวินัยสำคัญมาก ที่สำคัญไม่ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน อย่าเหยียบหรือข้ามหัวคนที่ทำงานกับเรามาก่อน อย่าลืมพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นคนที่ทำงานให้เรา ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้ และคิดตลอดว่างานตรงนี้เป็นสิ่งไม่แน่นอน วงการบันเทิงเป็นเรื่องที่ดี ดีมาก ได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนปกติ แต่พอถึงคราวไปมันก็ต้องไป และไปอย่างน่ากลัวด้วย เราก็ต้องเตรียมรับไว้ ทุกวันนี้ก็ยังต้องพัฒนางานตัวเองไปเรื่อยๆ ? (พยักหน้า) ยังเรียนร้องเพลง ออกแบบท่าเต้นใหม่ๆ ให้ตื่นเต้นตลอดเวลา ต้องทำให้คนรอบข้างอยากทำงานกับเราในครั้งต่อๆ ไป ทุกวันนี้ก็พยายามร้องเพลงให้ดีขึ้น เต้นให้ดีขึ้น การทำตัวเองให้ดูดีขึ้น น่ารักขึ้น ร้องเพลงให้เพราะขึ้น ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น จริงๆ แล้วอยากให้คนพูดว่าเราดูสวยขึ้น ร้องเพลงเพราะขึ้น เต้นดีขึ้น มิวสิคสวยชึ้น ทุกอย่างดีขึ้น และอยากให้มองว่าเรามีศักยภาพที่ดีพอสมควร ทำอัลบั้มแรกให้ดังยังไม่ยากเท่าทำอัลบั้มที่ 2 ที่ 3 ให้ดีขึ้น ต้องรักษาคุณภาพ หรือหนังเรื่องแรกดัง พอเรื่องที่สอง คนก็จะรอดูและจะมีดีมานด์กับสิ่งนั้นมาก มากชนิดที่ว่าถ้าเราทำดีเสมอตัว เขาก็ยังไม่พอใจนะ มันจะต้องรู้สึกดีขึ้นโคตรโคตรเลยเขาถึงจะพอใจ การทำให้คนพอใจมันเป็นอะไรที่ยากที่สุด เหนื่อยมากเลยนะ ถ้าให้เลือกชุดมาถ่ายแบบที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด จะเลือกชุดไหน เปรี้ยวเก๋ หวานๆ ปนเซ็กซี่นิดนึง เพราะเราไม่ใช่คนเรียบร้อย (ยิ้ม) |