คอนโด, บ้านจัดสรร, บ้านโครงการ,คอนโดมิเนียม,บ้านเดี่ยว, บ้านมือสอง,บ้านเช่า,ขายบ้าน, ที่ดิน, ตกแต่งบ้าน
อัพเดตล่าสุดวันที่ 20/4/2567
หน้าแรก | บ้าน คอนโด บ้านมือสอง | ประกาศ ซื้อขายบ้าน คอนโด ที่ดิน | สินเชื่อ | ตกแต่งบ้าน | เรื่องน่ารู้ | ไลฟ์สไตล์ | ลงประกาศซื้อขายฟรี
 
User Name
Password
เมนูหลัก
สมัครสมาชิก ลงประกาศ
ลืมรหัสผ่าน
ลงประกาศซื้อขาย
ค้นหาประกาศซื้อขาย
คู่มือซื้อขายบ้าน
ติดต่อสอบถาม

จากปรากฏการณ์กระหายข่าว สู่...เมืองหนังสือโลก

decorating idea design          ณ ท้องสนามหลวง ภาพกลุ่มคนหนุ่มๆ สาวๆ เดินแจกเอกสารกันให้ควั่ก!ทั้งทำมือ

ทั้ง พิมพ์สี-ขาวดำที่ปรากฏข้อความเปิดเผยเชิงลึกของกลุ่มขับไล่รัฐบาล ในขณะที่ผู้ชุมนุมหลายๆ คน พอจับจองได้พื้นที่เหมาะแล้ว ก็นั่งกางหนังสือพิมพ์ไล่เรียงความเป็นไปของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ในอีกมุมหนึ่งคุณป้าวัยหลังเกษียณก็กำลังนั่งอ่านคู่มือกู้ชาติอย่างขะมักเขม้น...

ภาพเหล่านี้อาจกำลังเป็นภาพสะท้อนของ "ปรากฏการณ์กระหายข้อมูลข่าวสาร" ท่ามกลางกระแสที่ยังเต็มไปด้วยคำถามซึ่งไร้คำอธิบาย !?!

...และไม่ใช่เพียงแค่ชาวม็อบเท่านั้นที่ติดตามหาอ่านข่าวสารการเมืองเพราะในภาวการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่า...การติดอาวุธทางปัญญา ... คงจะเป็นหนึ่งวิธีในการป้องกันตัวเองไม่ให้ต้องตกเป็นเครื่องมือของใคร !

สังคมแห่งการอยากรู้

จะเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์กระหายข้อมูลข่าวสารก็คงไม่ผิดนัก เพราะมองไปทางไหน ใครต่อใครต่างก็ขวนขวายเพื่อให้ได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังการเมืองอันเป็นเรื่องราวร้อนๆ ของทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในตอนนี้...

และแน่นอน ก่อนจะมีเรื่องมาเมาท์ถ้าจะให้เมามันก็ย่อมต้องมีแหล่งข้อมูลอัพเดต ตั้งแต่การฟังรายงานตามรายการเล่าข่าวทุกๆ เช้า สารพัดวงเวทีเสวนา หรือกระทั่งหนังสือพิมพ์ ซึ่งในบางครั้งคนธรรมดาเดินดินก็อาจจะแยกแยะได้ยากว่าอะไรเป“นข้อเท็จจริงหรืออะไรที่เป็นข้อคิดเห็น ดังนั้น แหล่งที่จะให้ความรู้น่าเชื่อถือสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้น...หนังสือ !

"ผมคิดว่าอย่างน้อยในรอบ 14-15 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนสนใจติดตามเรื่อง ข่าวการบ้านการเมืองมากที่สุดแล้ว เราจะพบการพูดคุยเรื่องการเมืองในทุกวงการ นักศึกษาที่ไม่ค่อยสนใจการ เมืองก็หันมาตามข่าวกัน ปรากฏการณ์นี้เริ่มต้นตั้งแต่ปรากฏการณ์ม็อบสวนลุมฯ ของคุณสนธิแล้ว ที่ทำให้คนเริ่มสนใจเรื่องการเมือง ผมทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัย ในองค์การนักศึกษา เห็นภาพว่ากระแสความตื่นตัวของนักศึกษามีมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังสือที่ให้ความรู้ยังไม่มาก ส่วนมากที่มีอยู่จะเป็นบทความเสนอความเห็นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหนังสือก็น่าจะเป็นเรื่องของการให้ความรู้" ดร.ปริญญา เทวานฤมิตกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตเลขาธิการสมาคมนิสิตนักศึกษาสมัยเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ให้ความเห็น

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเห็นหนังสือใหม่หลายต่อหลายเล่มใน "มุมการเมือง" ผุดมาเรียกความสนใจในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 34 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 4 ในปีนี้กันอย่างคึกคัก โดยจะเริ่มงานวันที่ 29 มีนาคม-9 เมษายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อย่างค่ายมติชน ขนหนังสือมาเอาใจฮาร์ดคอร์การเมืองกันเป็นเซต อาทิ ผลงานร้อนๆ จากแท่นพิมพ์ของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ใน "วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ", "ทักษิณอัศวินผู้ฆ่าตัวเอง" และ "อัครดีล ชินคอร์ป 7 หมื่นล้าน" ซุกหุ้น "โคตรานุวัตร" นอกจากนี้ยังมี "25 คำถาม SHIN เบื้องหลังดีลเทก

โอเวอร์ชินคอร์ป" จากสำนักพิมพ์โอเพ่นบุ๊คส์ หรือแม้แต่แพรวสำนักพิมพ์ ก็ขออินอารมณ์การเมือง มาร่วมเปิดปูมประวัติศาสตร์สมัย 14 ตุลา ใน "อีกหนึ่งฟางฝัน บันทึกแรมทางของชีวิต" ผลงานของกวีซีไรต์อย่างจิระนันท์ พิตรปรีชา

อยากรู้ทำให้อยากอ่าน

เมื่อสังคมต้องการรู้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มมากขึ้น จะเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อประดับความรู้ หรือเพื่อรู้เท่าทันก็ตามที

ในห้วงแห่งสถานการณ์อันวุ่นวายทางการเมืองนี้ จึงยากที่จะปฏิเสธความแรงแบบฉุดไม่อยู่ของหนังสือแนวการเมือง แม้วˆาหนังสือแนวนี้จะดูหนักหน่วง แต่ในท่วงทำนองที่ต้องติดตามข่าวแบบวินาทีต่อวินาที หนังสือแนวนี้จึงมี เรตติ้งสูงอย่างยิ่ง

ธนะชัย สันติชัยกูล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย และรองประธานคณะกรรมการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 34 และนานาชาติ ครั้งที่ 4 กล่าวว่า สำหรับงานในปีนี้ ผมคาดว่าจะมีผู้เข้าชมราว 1 ล้านคนอย่างแน่นอน จะเห็นว่าจำนวนของผู้ร่วมงานมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ขณะที่พฤติกรรมการอ่านของคนโดยรวมแล้วดีขึ้น เห็นทิศทางที่ดีชัดเจน

"สังเกตได้จากตอนนี้มีสำนักพิมพ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเกือบ 100 แหˆง และมีการแข่งขันการทำตลาดกันมากขึ้น ยิ่งมาก ก็ยิ่งส่งผลดี ต่อผู้บริโภค ซึ่งผมคาดว่าหนังสือที่ได้รับความนิยมในปีนี้ น่าจะยังเป็นหนังสือแนวธรรมะ เยาวชน และแนวการเมือง ก็เป็นอะไรที่มาแรง"

จากข้อมูลที่สมาคมผู้จัดพิมพ์ นำไปใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงเพื่อยื่นต่อยูเนสโกในการผลักดันให้ไทย เป็นเมืองหนังสือโลก ซึ่งเป็นผลสำรวจเมื่อเดือน สิงหาคม 2548 โดยกระทรวงไอซีทีพบว่า การอ่านหนังสือทุกประเภทรวมถึงอินเทอร์เน็ตของคนไทย อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป จาก 59.2 ล้านคน มีผู้อ่านหนังสือ 40.9 ล้านคน หรือ 69.1% เป็นชาย 51.1% และหญิง 48.5% ใช้เวลาเฉลี่ยการอ่านต่อวันต่อคนที่ 1 ชั่วโมง 59 นาที

ผลสำรวจยังพบอีกว่า อัตราการอ่านหนังสือของเพศชายสูงกว่าเพศหญิง คือ 71.6% ของจำนวนประชากรชาย และ 66.7% ของประชากรหญิง กลุ่มเด็กวัย 10-14 ปี มีอัตราการอ่านหนังสือสูงสุดที่ 95.2% เนื่องจากเป็นช่วงการศึกษาภาคบังคับ รองลงมาคือกลุ่มเยาวชน

ส่วนประเภทหนังสือที่อ่าน อันดับ 1 ได้แก่หนังสือพิมพ์ 72.9% รองลงมาคือ นวนิยาย การ์ตูน หนังสืออ่านเล่น คิดเป็น 45.4% และนิตยสาร 36.9% !

เมืองนักอ่าน : เมืองหนังสือโลก

แม้พฤติกรรมการอ่านของคนในบ้านเราจะไม่ได้หวือหวาแต่ทว่าแนวโน้มในการอ่านของคนไทยก็เป็นอะไรที่ดีขึ้น มิเช่นนั้น บ้านเราคงไม่มีการจัดงานหนังสือตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จัดมาเป็นครั้งที่ 34 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติที่จัดมาเป็นครั้งที่ 4 ในช่วงนี้ งานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ในช่วงวันที่ 6-11 กรกฎาคม, งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคม

นอกจากนี้ยังมีงานแฟร์ของสำนักพิมพ์ต่างๆ ที่จัดเป็นประจำทุกปี แถมท้ายยังมีการสัญจรไปต่างจังหวัดอีกเพียบ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีหลายนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้เกิดสังคมแห่งการอ่านหนังสือขึ้นทุกหัวระแหง อาทิ โครงการเพิ่มพื้นที่ดีลดพื้นที่เสีย ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ, โครงการของกรุงเทพมหานคร ที่มีกำหนดสร้างห้องสมุดกรุงเทพฯ ขึ้นที่ซอยพระนาง อนุสาวรีย์ชัยฯมีห‰องทำการบ‰านด‰วย แล้วเสร็จปลายเดือนมีนาคม-เมษายน โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อภิรักษ์ โกษะโยธิน กล่าวว่า

"ตั้งใจว่าจะเปิดห้องสมุดกรุงเทพฯ อย่างน้อย 10 แห่ง นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านหนังสือ ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ติดแอร์ แล้วไปตั้งตามชุมชนต่างๆ ให้อีก ซึ่งเราคิดว่าจะตั้งได้ 50 แห่งในปีนี้อีก ตลอดจนเรายังส่งเสริมเรื่องการรักการอ่าน อย่างที่ทำแล้วประสบความสำเร็จก็คือ การอ่านนิทานในสวน ปีนี้คิดว่าจะขยายไปที่สวนอื่นๆ และจะขยายผลไปยังพ่อแม่รุ่นใหม่ให‰มีความรักผูกพันกับลูกมากขึ้น ด้วยโครงการอ่านนิทานในบ้านหนังสือ"

แนวโน้มการอ่านหนังสือของไทยจึงมีทิศทางที่สดใสมากขึ้น ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนส่งเสริมให้มีการเสนอชื่อกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหนังสือโลก (Bangkok for World Book Capital 2008)

"เป้าหมายสุดท้ายที่อยากจะเห็นก็คือ การสร้างวัฒนธรรมรักการอ่าน การที่หลายองค์กรมาร่วมกันผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองหนังสือโลกในปี 2008 ถือเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งถ้าได้รับเลือก ประโยชน์ที่ได้รับเกิดขึ้นกับประชาชนทุกคน ขยายต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย"

ว่ากันว่า เมืองหนังสือโลกนี้เป็นรางวัลที่มีความหมายยิ่ง เพราะเมืองที่ได้รางวัลนี้ไปครอง จะต้องมีคุณสมบัติเป็นเมืองที่มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังคมในทุกภาคส่วนไปจนถึงความเกี่ยวข้องในระดับนานาชาติ รวมทั้งผลที่น่าจะได้รับจากแผนการส่งเสริมการอ่านทั่วทั้งสังคมของประเทศนั้นๆ ,เป็นเมืองที่มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานวิชาชีพทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ, เป็นเมืองที่มีโครงการสนับสนุนการพัฒนาหนังสือและการอ่าน

ที่สำคัญต้องเป็นเมืองที่ส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องเสรีภาพการแสดงออกทางความคิด โดยผู้คนในสังคมสามารถจัดพิมพ์และแจกจ่ายข้อมูลข่าวสารได้โดยอิสระ !!!

สำหรับบ้านเรา ธนะชัย ในฐานะนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ มองโอกาสเอาไว้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์

"ประเด็น คือ บ้านเรามีการเติบโตและพัฒนาด้านหนังสืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ถ้าได้รางวัล ความสนใจของคนในประเทศกับการอ่านหนังสือน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก ผมมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ !"

.................................

เพราะยุคนี้เป็นยุคแห่งสังคมข้อมูลข่าวสาร การพลาดการรับรู้แม้เสี้ยววินาทีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังที่วีรกร ตรีเทศ ยกคำกล่าวของ Alvin Toffler มาเป็นน้ำจิ้มอาหารสมอง ในมติชนสุดสัปดาห์ ว่า

....คนอ่านออกเขียนไม่ได้ในศตวรรษที่ 21 จะไม่ใช่คนอ่านและเขียนไม่ได้ แต่จะเป็นคนที่ไม่สามารถเรียนรู้ ถอดรื้อความรู้เดิมและเรียนรู้ใหม่ได้...

ถ้าพลาดการอ่าน พลาดการรู้ มีหวังโดนหลอกให้ชอกช้ำ ซ้ำร้ายส่งผลไกลทำให้บ้านเมืองสับสนวุ่นวายอีกต่างหาก !!!

บ้านมือสอง คอนโด condo บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านเช่า ที่ดิน
วันที่ : 1 เมษายน 2549
จำนวนผู้อ่าน : 3448 ครั้ง
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ
ที่มาของคำว่า กระดาษ (ดู 5116 ครั้ง)
คุณพอใจกับงานที่ทำอยู่แค่ไหน ? (ดู 4388 ครั้ง)
7 ไอเดีย แต่งห้องทํางาน (ดู 4702 ครั้ง)
ตำหนิแบบไหน ไม่ให้ลูกน้องเสียหน้า (ดู 4760 ครั้ง)
กระดาษ (ดู 4378 ครั้ง)
วิธีทำความสะอาดเครื่องต้มกาแฟ (ดู 4319 ครั้ง)
ประวัติของปากกาลูกลื่น (ดู 4419 ครั้ง)
ประวัติและการผลิต ดินสอ (ดู 5764 ครั้ง)
ประวัติความเป็นมาของ ยางลบ (ดู 4854 ครั้ง)
เครื่องถ่ายเอกสาร (ดู 4590 ครั้ง)
จัดฮวงจุ้ย บนโต๊ะทำงาน (ดู 4829 ครั้ง)
เครื่องใช้สำนักงาน (ดู 4453 ครั้ง)
ประวัติเครื่องถ่ายเอกสาร (ดู 4928 ครั้ง)
หมึกปากกาทำจากอะไร (ดู 4693 ครั้ง)
7 เคล็ดลับจัดโต๊ะทำงานแบบมืออาชีพ (ดู 5056 ครั้ง)
การปรับโต๊ะทำงานเพื่อสุขภาพ (ดู 4432 ครั้ง)
เมื่อลูกแม็กซ์หลุดเข้าไปในเครื่องส่งแฟกซ์ (ดู 4098 ครั้ง)
โต๊ะทำงานบอกนิสัย (ดู 4228 ครั้ง)
13 วิธีแก้วิกฤติโลกร้อนที่ออฟฟิค (ดู 4085 ครั้ง)
ราศีกับโต๊ะทำงาน (ดู 4256 ครั้ง)
ตำแหน่งโต๊ะทำงานที่เป็นมงคล (ดู 4501 ครั้ง)
รู้ธาตุออฟฟิศ พิชิตปัญหา (ดู 4332 ครั้ง)
เทคนิคพิชิตโรคของสาวทำงาน (ดู 4199 ครั้ง)
การจัดแบบห้องทำงานสำนักงาน (ดู 4460 ครั้ง)
.การจัดฮวงจุ้ยที่ดีสำหรับสำนักงาน (ดู 4189 ครั้ง)

Google
 
ขายบ้าน, คอนโด มือสอง, บริษัทนายหน้า, โบรกเกอร์, รับฝากขายบ้าน, ขายบ้าน, realtor, agency, บริษัท ขายบ้าน, ตัวแทน นายหน้า, รับฝากขาย, ซื้อขายบ้าน, ฝากขายบ้าน นายหน้า ขายบ้าน, บ.นายหน้า ขายบ้าน, โบรกเกอร์, ซื้อขายบ้าน, รับฝากขายบ้าน, ตัวแทนนายหน้า, โบรกเกอร์บ้าน, นายหน้าบ้าน, ตัวแทนบ้าน ขายบ้าน ตกแต่งบ้าน ฟอร์นิเจอร์ ออกแบบ บ้าน ซื้อขาย บ้าน, รับออกแบบ บ้าน, รวมแบบบ้านแบบ บ้าน, ตกแต่งภายใน บ้าน, interior design ออกแบบ บ้าน, interior รับออกแบบ บ้าน, Architecture รับออกแบบ บ้าน, ตกแต่งบ้าน, ตกแต่งภายใน, Mudahouse, ตกแต่งภายใน, รับเหมา ก่อสร้างบ้าน, บริษัท ก่อสร้าง
ติดต่อลงโฆษณา : ududee@msn.com
โทรศัพท์: 08-9180-5710
Copyright ©2005-2012 Hometophit All rights reserved