การเลือกซื้อเครื่องซักผ้า

1. ความต้องการในการใช้งานเบื้องต้น
         1.1  จำนวนสมาชิกภายในบ้าน   เพื่อดูปริมาณการซักในแต่ละครั้ง  เช่น สมาชิกในบ้านมี 3 ท่าน ต้องซักผ้าครั้งละ 40 ชิ้น/สัปดาห์
         1.2  ความหลากหลายในการใช้งาน  เพื่อดูเรื่องของโปรแกรมการซักต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้งาน เช่น สมาชิกหลักเป็นวัยทำงาน เสื้อผ้าก็จะเน้นไปที่ความเนี้ยบ เลียบ และถนอมผ้า  หรือต้องการซักผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม เป็นประจำ
         1.3  คุณสมบัติของเครื่องซักผ้า  ซึ่งแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันทั้งรูปแบบ วัสดุ และโปรแกรมการซัก  ตั้งแต่ระดับการซักแบบพื้นฐานทั่วไป จนถึงระดับการทำงานแบบพิเศษ  สำหรับความต้องการที่แตกต่างกัน

2. ชนาดความจุที่เหมาะสมกับปริมาณผ้า
             ความจุของเครื่องซักผ้า คือ ปริมาณผ้าแห้งที่จะนำเข้าถังซักต่อการซัก 1 ครั้ง  จะวัดเป็นกิโลกรัม (Kilogram, K)  จำนวนชิ้นของผ้าต่อการซัก 1 ครั้ง เมื่อแบ่งตามประเภทผ้า

ประเภทผ้า Fabric Type	ความจุ (กิโลกรัม / Kilogram)
	5 - 6.9	7 - 8.9	9 - 10.9	11 ขึ้นไป
Blause / Shirt - เสื้อสตรี / บุรุษ	25-30 ชิ้น	36-45 ชิ้น	46-65 ชิ้่น	56 ชิ้นขึ้นไป
Trouser - กางเกงสตรี / บุรุษ	9-12 ชิ้น	13-16 ชิ้น	17-20 ชิ้น	21 ชิ้นขึ้นไป
Bedding - ผ้าปูที่นอน	10-13 ชิ้่น	14-17 ชิ้น	18-21 ชิ้น	22 ชิ้นขึ้นไป
Pillow - ปลอกหมอน	25-35 ชิ้น	36-45 ชิ้น	46-55 ชิ้น	56 ชิ้นขึ้นไป
Blanket - ผ้านวม	ซักไม่ได้	ซักไม่ได้	ซักได้	ซักได้

 

3. รอบปั่นหมาด
       คือ จำนวนรอบเครื่องที่หมุน เพื่อบิดน้ำออกต่อนาที ยิ่งมีจำนวนรอบมากเท่าใด ก็จะทำให้ผ้าแห้งมากเท่านั้น

ตัวอย่าง เวลาที่ใช้ในการปั่นหมาดผ้า 2.5 ก.ก. ที่อุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป

ปั่นหมาด (รอบต่อนาที)	น้ำหนักผ้า (กิโลกรัม)	เวลาที่ใช้ (นาที)
600 -700	2.5	65-80
800 - 900	2.5	60-75
1000 - 1200	2.5	50-70

4.วัสดุที่ใช้ผลิตตัวถังเครื่องซักผ้า
       เครื่องซักผ้าจะประกอบไปด้วย ตัวถัง และ ถังซัก สำหรับตัวถัง คือ วัสดุภายนอกที่ห่อหุ้มถังซักผ้า ส่วนถังซัก คือ ตัวถังภายในเครื่องซักผ้าที่จะทำงานร่วมกับแกนซักในการซักผ้า ซึ่งจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต

วัสดุที่ใช้	คุณสมบัติ
พลาสติก / โพลิเมอร์	มีน้ำหนักเบา มีสีสันให้เลือกมากมาย
สแตนเลส	ทนทาน ไม่เป็นสนิม ไม่อับชื้น ทำให้ไม่เกิดเขื้อราสะสม
เหล็กเคลือบกันสนิม	แข็งแรง ไม่เป็นสนิม และยังมีสารเคลือบเพื่อเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะด้าน
	เช่น กาวาไนต์, อีบ๊อกซี, ซิงค์โค้ต, อีนาเมล เป็นต้น
เรซิน / ไฟเบอร์	ทนทาน ปลอดสนิม เพราะสามารถติดตั้งได้ในที่มีความชื้นสูง และ / หรือ
	ที่มีลมทะเลพัดผ่าน ปราศจากการผุกร่อนในทุกสภาวะ
โพลีนอกซ์ฺ	ทนทาน ช่วยเก็บเสียงได้ในขณะปั่นและซัก ลดการสั่นสะเทือน และ
	ช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี

5. โปรแกรมซักอัตโนมัติ 
       คือ โปรแกรมสำเร็จรูปในการซัก ซึ่งจะมีการเริ่มต้นตั้งแต่การคำนวณปริมาณผ้าและน้ำ ไปจนถึงการเลือกเนื้อผ้า ซึ่งจะมีโปรแกรมแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น  แต่ละประเภท ยิ่งมีโปรแกรมละเอียด หรือ หลายขึ้นตอน  ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการซักและถนอมผ้ามากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง โปรแกรมการซักในเครื่องซักผ้าแต่ละประเภท

โปรแกรมการซักทั่วไป	2 ถัง	1 ถัง ฝาบน	1 ถัง ฝาหน้า
โปรแกรมแช่ผ้า (Pre wash / Soak )	x	x	x
โปรแกรมตั้งเวลาซักล่วงหน้า (Delay Start)	-	x	x
โปรแกรมทำความสะอาดถังซัก (Delay Start)	-	x	x
โปรแกรมซักด่วน (Quick / Speed)	-	x	x
โปรแกรมปั่นหมาด	x	x	x
โปรแกรมประหยัดน้ำ	-	x	x
โปรแกรมอัตโนมัติสัมผัสเดียว	-	x	-
โปรแกรมแช่สลับซัก	x	-	-
โปรแกรมซักแบบเงียบ (Silent)	-	x	x

โปรแกรมการซักแบ่งตามชนิดผ้า	2 ถัง	1 ถัง ฝาบน	1 ถัง ฝาหน้า
สำหรับผ้ามาตรฐาน
Gentle โปรแกรมการซักผ้าสกปรกน้อย	x	-	-
Normal โปรแกรมการซักผ้าสกปรกธรรมดา	x	-	-
Strong โปรแกรมการซักผ้าสกปรกมาก	x	-	-
สำหรับผ้าชนิดพิเศษ
Baby Cotton โปรแกรมการซักผ้าอ่อน	-	-	x
Wool โปรแกรมซักผ้าขนสัตว์	-	x	x
Hand Wash โปรแกรมซักผ้าไหม	-	-	x
Jean โปรแกรมซักผ้าหนา เช่น ยีนส์	-	x	x
Delicate โปรแกรมซักผ้าบอบบาง	-	x	x
Heavy Stain โปรแกรมซักคราบสกปรกติดแน่น	-	x	x
Towel โปรแกรมซักผ้าเช็ดตัว ผ้าขนหนู	-	-	x
Color โปรแกรมซักผ้าสีสดใส	-	-	x
Bedding, Blanket โปรแกรมซักผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม